อาหารไทยสุดแปลก
![]() |
ลาบเลือดเนื้อ
คนที่ชอบเขาบอกว่า เนื้อดิบๆน้ำแดงพวกเนื้อไว้ดื่มแกล้มเหล้าแล้วมันเข้ากันสุดๆ ทั้งนี้ก็ไม่มีใครรับรองชีวิตคุณแน่ๆว่าหลังจากกินเข้าไปแล้วจะมีโรคหรือพยาธิอะไรตามมาบ้าง |
![]() |
กุ้งแช่น้ำปลา
คนที่ชอบเขาบอกว่า รสของมันออกเค็มๆเผ็ดๆ และเนื้อดิบลื่นๆเป็นเมือกของกุ้งนั้นให้รสสัมผัสที่ชวนน้ำลายสอมาก |
![]() |
ลาบมดแดง
คนที่ชอบเขาบอกว่า รังมดแดงที่ขึ้นบนต้นมะม่วงนั้นเป็นอะไรที่ฟ้าประทานสุดๆ เพราะในตัวมดจะเต็มไปด้วยน้ำจากใบมะม่วงที่มันแทะเพื่อทำรัง รสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แถมด้วยความมันที่ได้จากไข่มดอีกต่างหาก |
![]() |
ไข่ข้าว
คนที่ชอบเขาบอกว่า รสชาติก็คล้ายไข่ต้มนั่นแหละ แต่มีความเอนเตอร์เทนตรงที่เวลาได้เคี้ยวตัวอ่อนข้างในเนี่ยแหละ |
![]() |
แมลงทอด
คนที่ชอบเขาบอกว่า อร่อยหอมมันยิ่งกว่าเฟร้นช์ฟรายซะอีก แถมแมลงบางชนิดเวลากัดเข้าไปยังได้ความมันบวกความหนึบด้วยอีกต่างหาก |
![]() |
หมกฮวก
คนที่ชอบเขาบอกว่า พอได้ลองแล้วจะลืมไปเลยว่าพวกนี้มันเคยน่ารักขนาดไหน ยิ่งถ้าได้ตัวที่โตจนเริ่มมีขางอกออกมาแล้วยิ่งดี มีสารอาหารครบถ้วน |
![]() |
ปลาไหลต้มเปรตจานนนี้เป็นอาหารอีสาน ตามหลักแล้วใช้สัตว์ตัวเล็กยังเป็นๆ อยู่ก็ได้ เช่น จิ้งจก ตุ๊กแก มาทำความสะอาดแล้วเอาลงหม้อต้มที่ปรุงแล้ว แต่ที่นิยมใช้ปลาไหลก็เพราะเวลามันโดนน้ำแกงที่เดือดพล่านอยู่ มันก็จะพยายามชูคอตัวเองให้พ้นน้ำ ลักษณะเหมือนเปรตคนที่ชอบเขาบอกว่า นอกจากจะได้ทานอาหารที่สดสุดๆ แล้ว ยังเป็นเหมือนการได้รับชมภาพจำลองของนรกขุมกระทะทองแดง (ชมรอบพรีเมียร์ก่อนลงไปจริงๆ ว่างั้น) |
![]() |
ลูกกรอก
คนละลูกกรอกกับที่ขุนแผนผ่าลูกตัวเองออกจากท้องนางพราย (นี่ก็โหดเหมือนกัน) มาทำลูกกรอก หรือรัก-ยมนะครับ แต่เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่งที่ใช้กะทิปรุงรส แล้วนำลูกปลาตัวเล็กที่ยังเป็นๆ อยู่ โยนลงหม้อกะทิพร้อมกับค่อยๆเร่งไฟให้ร้อนขึ้น ใส่ผักบุ้งหั่นเป็นข้อๆ เมื่อกะทิเริ่มเดือด ปลาน้อยก็จะเข้าไปหนีร้อนในปล้องผักบุ้ง สุดท้ายก็ไปตายสนิทอยู่ในนั้น
คนที่ชอบเขาบอกว่า เหมือนได้รับประทานผักบุ้งยัดไส้รสหอมหวาน กรอบนอกนุ่มใน![]() |
ไก่กะทิถ้าฝรั่งเศสมีฟัวกราต์ ไทยเราก็มีไก่กะทินี่แหละ ที่มีกรรมวิธีใกล้เคียงกัน ด้วยการนำไก่ไปฝังดินเหลือแต่ส่วนคอชูขึ้นมา คอยหยอดน้ำกะทิให้กินเป็นอาหารอย่างเดียว กระทั่งไก่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีแล้วค่อยขุดขึ้นมาเชือด นำมาประกอบอาหารคนที่ชอบเขาบอกว่า เนื้อไก่ที่ได้นั้นจะหวาน หอมมันเพราะกะทิ เทียบชั้นอาหารฝรั่งเศสได้เลยทีเดียว |
![]() |
ซูชิหน้าแมลงหลายๆคน คงชอบกินอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิและยังคงความเป็นไทยและคุ้นกับแมลงทอดบ้านเราเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรถด่วน ตั๊กแตนทอด ด้วง ฯลฯ แต่ถ้าเราเอา 2 อย่างมารวมกันละ ซูชิหน้าแมลง อาหารแปลก ๆ แบบนี้จะกินได้ไหมน่ะ |
![]() |
ซุปที่ว่าแปลกตั้งแต่สมัยก่อน ก็เป็นซุปหูฉลาม ซุปรังนก ที่ว่าแปลก แต่พอเวลาผ่านมานานจนเราเคยชินก็คงไม่ได้แปลกอะไร และยังขายอยู่ในตามท้องตลาดที่เราเห็นกันทุกวันนี้ แต่ที่ว่าแปลกนั้นก็จะเป็นซุปที่เรายังไม่รู้จักและไม่เคยเห็นเลยไม่เคยนึกว่าจะมีอยู่จริง วัตถุดิบบ้างอย่างที่เห็นแล้วก็จะคิดว่า “มันจะกินได้จริงหรือ?” “รสชาติจะเป็นอย่างไร” “เป็นยาอายุวัฒนะ” ต่างนานาๆ |
![]() |
หนูนาย่างเป็นอาหารสุดฮิต หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยใครที่ต่างลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่เขาจะมาย่างเป็นหนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮมเบอร์เกอร์เลยที่เดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อยก็จับลูกหนูใส่ในขนมปังหรือกล้วยหอมแล้วยัด ใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ |
![]() |
ปลาสองแผ่นดินเมนูนี้สามารถหากินได้จากประเทศจีนหรือไทยก็ได้ วิธีการทำต้องใช้ฝีมือหน่อย เริ่มจากนำมาเก๋าขนาด 2 ก.ก. มาขอดเกล็ดออกให้หมดแล้วนำมาล้าง ก่อนจะใช้ผ้าเย็นที่แช่เย็นจัดพันส่วนหัวจนถึงพุงปลา แล้วก็ใช้มีดบั้งตัวปลาตั้งแต่ส่วนหางขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ระหว่างนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปรอให้เดือดเต็มที่ แล้วก็นำหางปลาช่วงที่บั้งจุ่มลงไปทอดครึ่งตัว ซึ่งเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก เพราะปลาจะดิ้นตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้คีมคีบที่หัวปลาเอาไว้ รอจนเนื้อปลาสุกเป็นสีเหลือง ก็ยกขึ้นนำมาวางบนจานแต่งด้วยเครื่อง ยกเสิร์ฟโดยครึ่งบนปลายังเป็นๆ อยู่ อ้าปากพะงาบๆ ครีบยังกระดิกได้ แต่ครึ่งล่างทอดจนสุก กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสเปรี้ยว โดยคนจีนเชื่อว่าการทานปลาสองแผ่นดินเป็นยาชูกำลัง ให้กินมากๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง |
![]() |
กุ้งเต้น
คนที่ชอบเขาบอกว่า กุ้งเต้นนี้เป็นอาหารที่ผสมผสานความอร่อยและความสนุกเข้าด้วยกัน วินาทีที่ตักกุ้งน้อยพูนช้อนเข้าปากแล้วงับลงไป จะได้รสชาติเค็มๆมันๆ กรุบกรอบอย่าบอกใครชื่อ ด.ญ.กัญญาณี แก้วสิมมา ชั้น ม.2/3 เลขที่ 25 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น